วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ปตท. แบรนด์ไทย คุณค่าระดับโลก



ประวัติความเป็นมา

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทด้านพลังงานของไทยที่แปรรูปมาจาก การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ซึ่งมาจากการรวมกิจการพลังงานของรัฐทั้ง 2 องค์กร คือองค์กรเชื้อเพลิงและองค์กรก๊าซธรรมชาิติแห่งประเทศไทย ประกอบธุรกิจก๊าซธรรมชาิติและน้ำมันปิโตรเลียมครบวงจร และธุรกิจปิโตรเคมีที่เน้นการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก รวมทั้งธุรกิจต่อเนื่อง

สำนักงานใหญ่ ตั้งอยู่ที่ 555 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

จากการสำรวจของนิตยสารฟอร์จูนในปี พ.ศ. 2550 บริษัท ปตท. ได้ถูกจัดอันดับให้เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อันดับที่ 207 จาก 500 ของบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก



ปัจจัยที่ทำให้แบรนด์มีคุณค่า โดยอ้างอิงองค์ประกอบของคุณค่าแบรนด์ทั้ง 4 ของ David Aaker



Brand Awareness


ถ้าเราถามคุณว่า ถ้าคุณเลือกที่จะเติมน้ำมัน คุณจะเลือกเติมน้ำมันที่ใด? 1ใน5 อันดับแรกที่คุณเลือก ผมเชื่อว่าต้องมี ปตท. อยู่ในใจคุณอย่างแน่นอน แล้วทำไม ปตท.ถึงได้ไปอยู่ในใจของผู้บริโภคได้นั้น ล้วนแล้วแต่เกิดจากการรับรู้ของผู้บริโภคที่ได้รับจากการสื่อสารของ ปตท. ทั้งโลโก้ที่มีโดดเก่น จำง่าย ทั้งสี ทั้งบริการที่แตกต่าง(แต่จากที่ผมพบเจอมา บริการแตกต่างไปทางด้านลบเล็กน้อย ผมว่า ปั้มเสือน้อย ที่มี 2 พยางค์ให้บริการได้สุภาพกว่านะ) แต่ถึงยังไง ปตท.ก็เป็นที่จดจำในความคิดของคนทุกคนไปแล้ว แต่คุณรู้อะไรเกี่ยวกับ ปตท.อีกหรือเปล่าว่า ปตท.ไม่ใช่เพียงแค่ปั้มน้ำมัน แต่เป็นธุรกิจที่พํฒนาเพื่อยั่งยืน ธุรกิจใน ปตท.นั้นมีหลายอย่าง เช่น 1.ธุรกิจน้ำมัน 2.ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ 3.ธุรกิจปิโตรเลี่ยมเคมีและการกลั่น 4.ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ

แต่เราจะไม่พูดเรื่องอะไรที่ไกลเกินไปนะครับ เอาเป็นว่าเรามาเข้าเรื่องดีกว่า ผมคิดว่านักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพ 45% รู้จักรถ NGV และมีประสบการณ์ร่วมกับรอรถตู้คนนี้มาแล้ว ล้อเล่นนะครับ ค่าบริการรถตู้ NGV มีค่าบริการเที่ยวละกี่บาทครับ ใครทราบก็แสดงความคิดเห็นใน Blog นี้ได้นะครับ (แต่จะให้เรื่องมากไปทำไม ค่าบริการ 30 บาทเท่านั้น แต่ตอนนี้ขึ้นราคาเป็น 35 แล้วนะครับ เพราะทางด่วนขึ้นราคาอ่ะ) เรื่องค่าโดยสารนั้นมันจะสำคัญไปกว่าการที่ นักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพ 45% ช่วยกันรักษาโลกใบใหญ่ของเราไว้ได้ เพราะการที่นักศึกษาเลือกที่จะโดยสารรถร่วมบริการเพื่อลดการใช้พลังงานแล้ว ยังเลือกรถที่เลือกใช้พลังงานธรรมชาติมากกว่า พลังงานเคมีอีกด้วย แหม นักศึกษาม.เรานี้ นอกจาก สวยหล่อกันแล้วยัง คิดได้ด้วยว่า โลกของเรา เราต้องช่วยกันรักษา (แต่ถ้ารอนานเกิน 30 นาที จะเปลี่ยนไปขึ้น Taxi ละนะ) การเลือกใช้พลังงานก๊าซธรรมชาตินั้น เป็นการลดมลพิษทางอากาศได้อีกวิธีการหนึ่งเลยล่ะ ปตท.นับเป็นแบรนด์ ที่สนับสนุนเรื่องการก๊าซธรรมชาติอันดับที่ 1 ก็ว่าได้เพราะทำรถตู้เพื่อให้คนหันมาใช้ก๊าซธรรมชาตินั้นเองแต่ที่ลึกกว่านั้น ปตท. สร้างการรับรู้ให้แก่ผู้บริโภคว่า ปตท.รักโลกของเรา มีความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างมาก ทั้งกิจกรรมต่างๆที่ช่วยเหลือสังคม

การบริหารคุณภาพน้ำมันที่เปิดเผย และไม่ลืมเรื่องเล็กๆน้อยๆ อย่างห้องน้ำสะอาดเพื่อให้ผู้บริโภคจดจำได้ดีอย่างน้อย คนที่ไม่สนใจและไม่ค่อยมีความรุ้เรื่องแบรนด์ ก็จดจำได้ว่า ปตท. เป็นปั้มที่มีห้องน้ำสะอาดที่สุด และรถตู้NGV จากหมอชิต จะต้องจอดเติมก๊าซธรรมขาติที่ปั้มปตท.ก่อนถึงมหาลัยกรุงเทพทุกครั้ง (และเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้นักศึกษาบางรายมาเรียนสาย 55+) สุดท้ายนี้ การจดจำที่โดดเด่นก็คือ ไม่ว่าจะมี ปตท.ที่ไหน ก็จะมี 7/11 ที่นั้น




Brand loyalty


เนื่องจากว่าบริษัท ปตท. ประกอบธุรกิจก๊าซธรรมชาติและน้ไมันปิโตรเลียมครบ วงจร และธุรกิจปิโตรเคมีที่เน้นการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นหลักนะคะ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีภาพลักษณ์ที่ดีในความเป็นผู้นำด้านการ อนุรักษ์ธรรมชาติที่แสนจะดีเลิศ ^ ^อันก่อให้เกิดความ ไว้วางใจของประชาชนทั่วประเทศว่าเป็นหน่วยงานที่ไม่ทำลายธรรมชาติ ต้องสามารถสร้างความเชื่อมั่นเพื่อให้ประชาชนให้ใช้พลังงานจาก ปตท.ได้อย่างไม่หวาดระแวงว่าจะก่อให้เกิดมลพิษมาทำลายธรรมชาติและไม่เป็นพิษ ภัยต่อคนรอบข้าง และเพื่อเป็นที่มั่นใจของประชาชนว่ากำไรที่มาจากการใช้ ปตท.นั้นจะไม่รั่วไหลไปไหนไกล ปตท.ที่ตอกย้ำแนวคิดที่ว่า ธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ต้องเป็นสิ่งที่ดำเนินไปพร้อม ๆ กับ เรื่องของ CSR ค่ะ ซึ่งไม่สามารถดูในธุรกิจเพียงลำพังได้ ต้องผนวกเข้ามาเป็นธุรกิจคือ ธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ก็คือ Customer หนึ่งเหมือนกัน เพราะมีส่วนได้เสีย เป็น ผู้ถือหุ้นเพราะฉะนั้นเวลาเราคิด ถ้าธุรกิจก็ต้องคิดถึงสังคม ต้องคำนึงถึงสังคมตั้งแต่ต้น คิดถึงสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้น ว่าได้รับผลกระทบบ้างหรือไม่ ผู้บริหารระดับสูงต้องให้ความสำคัญกับ CSR เพราะเป็นผู้ที่ควบคุม CSR นะคะ และเพื่อหมุนเวียนผลกำไรอันมาจากลูกค้า ปตท.จึงจัดทำ corporate ad 2 ชิ้นเพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อหน่วยงาน ที่สามารถแย่งเวลาโฆษณาอื่นๆไปได้มาก ทำให้โฆษณาชิ้นอื่นๆเงียบไปตามๆ กัน โฆษณาทั้งสองชิ้นค่อนข้างสอดคล้องกัน แต่ก็มีรายละเอียดที่ต่างกัน ชิ้นแรกกำไรของ ปตท. กลับสู่ใคร?” เป้าหมายชัดเจนว่าต้องการเน้นว่า กำไรที่มากมายหลายหมื่นล้านของบริษัทนั้นทำเอา ad ของบริษัทอื่นอึ้งไปตามๆกันเลยก็ว่าได้ แม้จะเกินควรไปบ้าง แต่ก็คืนสู่สังคมไม่น้อยทีเดียวนะคะ ถือเป็น corporate ad ที่ทรงพลังอย่างยิ่งยวด ตรงตามเป้าหมายของการสร้างภาพลักษณ์องค์กรที่ต้องการแน่เห็นได้ชัดค่ะ เข้าสูตรการกำหนดตำแหน่งของแบรนด์ที่เรียกว่า Getting into the Mind ได้อย่างแท้จริง แต่ไม่ว่ายังไงซะ สังเกตพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันเริ่มมีการเปลี่ยนจากการชอบของโปรโม ชั่นมาสู่การเลือกใช้บริการปั๊มที่มีการให้บริการที่ครบวงจรมากขึ้น ผู้เล่นที่เป็น Brand หลัก จึงต้องหันมาเทน้ำหนักไปที่การทำในเรื่อง ดังกล่าว โดยเฉพาะจุดขายในเรื่องของการบริการที่ครบวงจรทั้งในตัวปั๊ม ร้านค้าและการบริการอื่นๆ รวมถึงความสะอาดโดยผู้นำตลาดอย่าง ปตท. ซึ่งขออ้างถึงข้อมูลจาก คุณอภิสิทธิ์ รุจิเกียรติกำจร นะคะ ท่านกล่าวได้ถึงเรื่องดังกล่าวในงานสัมมนาผู้สื่อข่าวที่เกาะช้างเมื่อเร็วๆ นี้ว่า ปตท. มีแผนที่จะเติมความสมบูรณ์แบบของการบริการในปั๊ม ปตท. ทั้งที่เป็นร้าน 7-ELEVEN การให้บริการล้าง อัด ภาพ การบริการที่เป็นคาร์แคร์ เป็นต้น เดิมที ปตท.มีปั๊มอยู่ประมาณ 1,500 แห่ง ทั่วประเทศ แต่ได้มีการปิดปั๊มที่ไม่ได้มาตรฐานไป 100 แห่ง และมีการเริ่มทยอยปรับปั๊มให้ได้มาตรฐานทั้งหมด โดยเริ่มจากในปี 2545 ที่ทยอยปรับปรุงไป 200 แห่ง ส่วนในปีนี้จะมีปรับปรุงใหม่อีก 350 แห่ง ใช้งบลงทุนเฉลี่ยปีละ 900 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4,500 ล้านบาท ตลอดโครงการที่กินเวลาตั้งแต่ปี 2546-2550 และแน่นอนค่ะว่า การปรับภาพลักษณ์ใหม่ในเรื่องของการบริการนี้ ก็เพื่อที่จะใช้เป็นแม่เหล็กในการดึงดูดผู้บริโภค รับกับการแข่งขันที่รุนแรง ซึ่งตัวปั๊มเองถือเป็นหัวใจอย่างหนึ่งในการสร้าง Brand loyalty ให้เกิดขึ้น ที่ผ่านมาเนี่ยอาจจะเรียกได้ว่า ปตท.เอง ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดได้ใช่ไหมคะ ส่วนหนึ่งเกิดจากจำนวนปั๊มน้ำมันที่มีมากกว่าคู่แข่งขันรายอื่นๆ ในตลาด และจำนวนปั๊มน้ำมันที่มีอยู่สามารถลงลึกถึงระดับตำบลได้ แต่จะว่าไปแล้ว ปตท.ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ของตัวปั๊มไม่มากนักนะคะ และเนื่องจากการบริการความสะดวกสบายเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคปลื้มมากถึงมากที่ สุดอยู่แล้วค่ะ จุดขายดังกล่าวจึงได้กลายเป็นตัวผลักดันให้ปตท.กลายเป็นผู้นำตลาดอย่างต่อ เนื่อง โดยเฉพาะกับการได้รับการตอบรับจากกลุ่มนักเดินทางที่ต้องเดินทางในต่าง จังหวัดอย่างเห็นได้ชัดค่ะ



Perceived Quality


ปตท.เป็นแบรนด์น้ำมันอันดับ1ของ เมืองไทยที่ได้รับการยอมรับทั่วไป ไม่ว่าจะมาจากความมั่นคงที่สามารถผ่านช่วงวิกฤตเศรษฐกิจฟองสบู่มาได้ทำให้แบ รนด์ปตท.ได้เป็นแบรนด์น้ำมันของประเทศไทยอยู่ในตลาดน้ำมันมานานทำให้ผู้ บริโภครับรู้ว่าแบรนด์นี้เราสามารถไว้วางใจได้ ในอดีตแบรนด์ปตท. มีความหวังว่าจะเป็นแบรนด์ฮีโร่ แบรนด์ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นคนดีในใจผู้บริโภคทุกคน การสื่อสารถึงผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาหรือทำแคมเปญต่างๆ จะเกี่ยวกับการทำความดีสู่สังคม หรือส่งเสริมให้คนไทยรักแล้วผูกพันธ์กัน เนื่องจากแบรนด์ปตท.เป็นแบรนด์ของคนไทย เช่น โฆษณาเติมความผูกพัน

จากนั้นเมื่อแบรนด์ปตท.ได้อยู่ในตลาดจนติดตาผู้บริโภคแล้ว ผู้บริหารปตท. เล็งเห็นว่าปตท.ไม่ได้เป็นแค่ที่จ่ายน้ำมันอีกต่อไป แต่ปตท.ต้องการเป็นปั๊มน้ำมันที่ให้ความสะดวกสบายแก่ผู้บริโภค ดังนั้นปตท.ไม่ได้ขายน้ำมันอย่างเดียวแล้ว แต่กำลังขายแบรนด์ และซื้อใจของผู้บริโภคด้วย

ผู้บริหารปตท.ได้เป็นผู้เข้ามาแก้ปัญหาและตั้งโครงการโครงการ ปั๊มคุณภาพ ปลอดภัย น่าใช้บริการประจำปี 2552 โดยเปลี่ยนจุดยืนจากการเป็นฮีโร่และคนดีในความคิดผู้บริโภคไปเน้นที่ความ บริการเป็นเลิศ น้ำมันที่ดีมีคุณภาพและการบริการทางด้านอื่นๆแทน เช่นทาง ปตท.ได้มีการนำร้านขายสินค้าต่างๆมาไว้ในตัวปั๊มไม่ใช่เพียงแค่ร้านสะดวก ซื้ออย่างเดียวเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความสะดวกสบายอย่างเต็มที่




Brand Associations

ปัจจัยต่างๆที่เชื่อมโยงไปถึงแบรนด์ ปตท. มีลักษณะดังนี้


Product Attributes (ลักษณะของผลิตภัณฑ์)

ผลิตภัณฑ์ของ ปตท. คือน้ำมัน ซึ่งเป็นสินค้าหลักขององค์กร โดยตัวคุณภาพของน้ำมันของ ปตท. นี้เองเป็นสิ่งที่สามารถชัดเจนถึงความเป็นแบรนด์ ปตท เพราะ ปตท เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจซึ่งมีหน้าในการจัดหาน้ำมันให้กับประชาชนจึง มีความจำเป็นในการพัฒนา น้ำมันให้ ดีที่สุดและเมื่อพูดถึง ผลิตภัณฑ์ ก๊าซธรรมชาติ ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ ปตท.ให้ความสำคัญ จึงเห็นได้ว่า คุณภาพของ ปตท นั้นเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงแบรนด์ ปตท. ได้ดีเป็นอย่างดีเมื่อนึกไปถึง เรื่องน้ำ มัน ปตท.ย่อมอยู่ใน Share of mine มากกว่า Brand อื่นอย่างแน่นอนเมื่อพูดถึงเรื่องคุณภาพ


Customer Benefits

ประโยชน์ของลูกค้าจากการใช้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ ปตท.นั้นเมื่อนึกถึง ส่วนใหญ่จะ ตอบกันเป็นใน เรื่องของคุณภาพ เมื่อขับขี่ รถยนต์ด้วย ปตท ช่วยเสริมแต่ง สมรรถภาพ ของรถยนต์ได้เป็นอย่างดี ผลประโยชน์นี้จะเชื่อมโยงกัน เป็นขั้นตั้งแต่ Product Attributes จนเกิด Customer Benefits และจึงเชื่อมโยงไปถึง Customer ในการรับรู้ถึงแบรนด์ ปตท.


Relative Price

ราคา ของแบรนด์ ปตท นั้นเป็นแบรนด์ที่ มีราคาน้ำมัน สูงกว่าชนิดอื่นๆ เนื่องมาจากนโยบาย ของปตท ไม่ค่อยมีการปรับราคาลง ถึงแม้จะมีการลดราคาน้ำมันของตลาดโรคก็ตาม ทำให้การรับรู้ของปตท.ในด้านราคา นั้น ไม่ค่อยเป็นที่พอใจของผู้บริโภคชาวไทย


Lifestyle/Personality

Lifestyle ของแบรนด์ ปตท นั้นเป็นลักษณะของการใช้ชีวิต ที่ต้องต่อสู้กับการสิ่งต่างๆ ในแต่ละวัน โดยสะท้อนจากราคา น้ำมัน ซึ่งเป็นตัวที่บ่งบอกถึง Lifestyle ได้เปนอย่างดี และมีบุคลิก ใน ความเป็นผู้นำ จากการเป็นแบรนด์ ที่ อยู่ใน Top of mind ของผู้บริโภคส่วนใหญ่มากที่สุดในแบรนด์น้ำมัน และ เป็นองค์กรชั้นนำของประเทศไทย ความเป็นผู้นำใน แบรนด์น้ำมัน นั้น เป็นสิ่งที่ เชื่อมโยงเป็นอย่างดีกับ ปตท โดยไม่ต้องมีการ recognite ก็จดจำได้Celebrity/Person

ปตท นั้นไม่ได้มีการใช้ดารา หรือบุคคลที่มีชื่อเสียง ใช้ในการสื่อสาร การแบรนด์ แต่จะใช้ คนธรรมดา ที่มีลักษณะเป็นครอบครัวในการดำเนินเรื่อง เพื่อสื่อสารไปถึงแบรนด์ ปตท. แต่จะให้คนนั้น ในการดำเนินเรื่องที่ยึดจาก จุดยืนของ ปตท. ในการเป็นผู้ดูแลไม่เคยเปลี่ยนจาก ชุด Ad โฆษณา ตั้งแต่ วัยเด็ก จนถึง วัยทำงาน มีครอบครัว ก็ยังเป็น ปตท โดยบุคคลเหล่านี้เป็นเพียงแค่ คนดำเนินเรื่องในการสื่อสาร แบรนด์ ปตท.


Use/Application

การใช้น้ำมัน ของ ปตท ซึ่งวิธีใช้ก็คือนำๆไปใช้ กับรถยนต์ในเป็นพลังงานที่ใช้ขับเคลื่อน ซึ่งจุดนี้ เองเป็นจุดที่ มิวิธีการใช้ทั่วไป เหมือนแบรนด์อื่นๆ แต่ความแตกต่างจะเป็นเรื่องของ ตัว Product มากกว่า จึงมีการเชื่อมโยงถึงแบรนด์ ปตท. ไม่ชัดเจนเท่าใดนัก




การคุ้มครองแบรนด์ผ่านกฏหมาย (IP protection)

ในปัจจุบัน แบรนด์ ปตท.ถือว่าเป็นแบรนด์ไทยที่สามารถสู้กับแบรนด์ระดับโลกได้ดีแบรนด์หนึ่ง การคุ้มครองแบรนด์ผ่านกฏหมาย (IP protection) จะช่วยปกป้องผลประโยชน์ของแบรนด์ ปตท.ได้ และเนื่องจากแบรนด์ปตท.เป็นแบรนด์ที่มีจุดยืนในการทำธุรกิจเพื่อคนไทยและทำธุรกิจน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ การกลั่นปิโตรเคมี และธุรกิจกาค้าระหว่างประเทศ จึงถือว่าเป็นแบรนด์ตัวแทนคนไทยในธุรกิจสายนี้ ซึ่งมีกระบวนการและเทคโนโลยีทางการผลิตต่างๆที่มีความซับซ้อน ดังนั้นเราต้องมีการจดลิขสิทธิ์ทางปัญญาเอาไว้ ไม่ให้ถูกลอกเลียนแบบ แบรนด์ ปตท. เป็นแบรนด์ซึ่งถือว่ามีอิทธิพลอย่างมากกับระบบเศรษฐกิจของไทย สังเกตได้จากหารพยุงราคาน้ำมันเพื่อช่วยเหลือคนไทยในยุคเศรษฐกิจย่ำแย่ หากแบรนด์ปตท. ไม่พยุงราคาไว้ แล้วขายตามใจ ต้องการเอากำไรเพียงอย่างเดียว ประเทศไทยก็ย่ำแย่ แสดงให้เห็นว่า ปตท. เป็นแบรนด์ของคนไทยจริงๆ ซึ่งถ้าหากมีแบรนด์อื่นลอกเลียนแบบขึ้นมา จุดยืนของแบรนด์ ปตท. ก็จะต้องเสียไป และทรัพยากรต่างๆของแบรนด์ ปตท. ถือว่ามีคุณค่าอย่างมาก ทั้งทรัพยากรมนุษย์ที่มีแต่ทรัพยากรคุณภาพเยี่ยม และวัตถุดิบ กระบวนการทำงานต่างๆที่เยี่ยมยอด การคุ้มครองแบรนด์ผ่านกฏหมาย (IP protection) จะช่วยคุ้มครองทรัพย์สินขององค์กรทั้งหมดได้ นอกจากนั้นแบรนด์ ปตท.มีการนำองค์กรเข้าตลาดหลักทัรพย์ การคุ้มครองแบรนด์ผ่านกฏหมาย (IP protection) ช่วยทำให้แบรนด์ ปตท. มีความมั่นคงในสายตาของนักลงทุนทั้งหลายว่าเม็ดเงินของเขาที่นำมาลงทุนจะไม่เสียหายหรือเสียผลประโยชน์เพราะการลอกเลียนแบบใดๆทั้งสิ้น


ปัจจัยที่เป็นแรงผลักดันความสำเร็จในการสร้างคุณค่าของแบรนด์ไทย

ปัจจุบันนี้ แบรนด์ไทยหลายแบรนด์ประสบความสำเร็จทั้งในตลาดภายในประเทศและตลาดภายนอก ประเทศ โดยคุณค่าของแบรนด์ไทยที่แต่ละแบรนด์ได้สร้างและสั่งสมมานั้นเป็นสิ่งที่ทำ ให้ประสบความสำเร็จ ปัจจัยอะไรที่เป็นตัวสร้างและเป็นแรงผลักดันในการสร้างคุณค่าของแบรนด์ไทย มี 6 ประเด็นดังนี้


ความเป็นไทย : ปตท. เป็นบริษัทของคนไทยเป็นแหล่งเชื้อเพลิงของคนไทย เป็นองค์กรที่มีประวัติมายาวนานโดยกิจการอยู่ในความดูแลของคนไทย ซึ่งการสื่อสารแบรนด์ของ ปตท. มุ่งที่จะสร้างวัฒนธรรมที่ดีแก่คนไทย ซึ่งจะเห็นได้จากเนื้อหาใน โฆษณา ที่พยาม มองให้เห็นภาพ ของ ครอบครัวแบบไทยๆ ความอบอุ่น การเอาใจใส่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงถึงแบรนด์ ปตท.

ความเป็นเอกลักษณ์ : เอกลักษณ์ ของปตท จะได้เห็นอย่างชัดเจน ในเรื่องของ สี ซึ่งสี ของปตท นั้น แตกต่างกับแบรนด์ธุรกิจน้ำมัน รายอื่น อย่างชัดเจน โดยการใช้สีน้ำเงิน ที่สื่อความหมายถึง ความมั่นคง ความแข็งแกร่งของแบรนด์ของแบรนด์จากชื่อเสียงที่สะสมมายาวนาน และ การเข้าถึงผู้บริโภคในทั่วภูมิภาค ก็เป็นอีกเอกลักษณ์หนึ่งที่แตกต่างจากแบรนด์อื่น ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของ ปตท ในการจัดหาน้ำมัน ให้กับประชาชน

รักษาสัญญา : Brand Promise ของปตท ที่ได้ให้แก่ผู้บริโภคคือ การอยู่คู่กับคนไทย ในทุกๆที่ไม่ว่าจะไปที่ใด เพราะ ปตท.เป็นองค์กรรัฐวิสาหกิจโดยมีรัฐบาลเป็นผู้ดูแลกิจการซึ่งมีหน้าที่พื้นฐานในการ อำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน จึงโดยจำเป็นที่จะต้องมีสาขาไปทั่วภูมิภาค ถึงแม้ว่าบางครั้งการเปิดสาขา ใหม่ในที่ห่างไกล จะขาดทุน แต่ปตท ก็จำเป็นที่ต้องมีหน้าที่ในการจัดหาน้ำมันแก่ประชาชน จึงเป็นสัญญาที่ ปตทนั้น ได้มอบให้แก่ ประชาชน เสมอมา

จุดยืนของแบรนด์ (Brand Positioning) : จุดยืนของแบรนด์ที่มีคุณค่าจะเป็นจุดยืนที่แตกต่างจากคนอื่นๆ มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ จะเห็นได้ว่า แบรนด์ ปตท. มีจุดยืนที่เด่นชัดมาก ผู้บริโภคไม่สับสน

ทรัพย์สินของบริษัท : ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นทรัพย์สินของบริษัทล้วนเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เกิดคุณค่าของแบรนด์ได้ เช่น ทรัพยากรมนุษย์ มีคุณภาพดี มีความรู้ความสามารถ สามารถคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กรได้จะยิ่งส่งเสริมคุณค่าของแบรนด์ให้เพิ่มมากขึ้นอีก หรือวัตถุดิบที่มีคุณภาพดี กระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ต่างๆ ยกตัวอย่างเช่นแบรนด์ Coke ที่มีกระบวนการผลิตน้ำดำที่เป็นความลับ รสชาติของ Coke ยังไม่มีใครลอกเลียนแบบได้ เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Coke ซึ่งถือว่าเป็นทรัพย์สินของแบรนด์อีกทางหนึ่งที่เป็นความลับมานาน เพราะถ้ามีคนรู้แล้วผลิตออกมาขาย รสชาตินี้ก็จะไม่เป็นของ Coke เพียงเจ้าเดียวอีกต่อไป คุณค่าของแบรนด์ก็ลดลงตามไปด้วย

คุณภาพของสินค้าและบริการ : คุณภาพของสินค้าและบริการเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้แบรนด์มีคุณค่า ถึงแม้จะมี Emotional benefit มากมายแค่ไหน แต่คุณภาพของสินค้าและบริการไม่ดี ผู้บริโภคจะไม่บริโภคสินค้าและบริการของเรา เพราะคุณประโยชน์พื้นฐานที่เป็น Functional benefit ควรจะมีให้ได้ตามมาตรฐาน







รายชื่อผู้จัดทำ กลุ่ม Holy Section 3392

นางสาว ศจิญญา สท้านไตรภพ ID:1500301757

นางสาว ภรณ์ทิพย์ วณาพรรณ์ ID:1500304330

นาย พศวีร์ อวรัญ ID:1500310550

นาย พนัชกร ยุกต์วัฒนพงศ์ ID:1500311889

นางสาว สิริวัฒน์ บุญผ่อง ID:1500318074